FortiGate ยกเครื่องใหญ่! FortiOS 7.6 ปรับทิศทางความปลอดภัย ดัน IPsec VPN แทน SSL VPN
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกำลังเกิดขึ้นในโลกของไฟร์วอลล์ FortiGate เมื่อ Fortinet ประกาศปรับทิศทางการพัฒนาใน FortiOS เวอร์ชัน 7.6 โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพเครือข่ายให้ดียิ่งขึ้น หัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงคือการทยอยยกเลิกการสนับสนุน SSL VPN และผลักดันให้ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้ IPsec VPN อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ใช้งานและองค์กรที่พึ่งพา SSL VPN สำหรับการทำงานจากระยะไกล
ทำไมต้องอัปเกรดเป็น FortiOS 7.6?
การอัปเกรดเฟิร์มแวร์เป็น FortiOS 7.6 เป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มด้านความปลอดภัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเหตุผลหลักคือ:
- ความปลอดภัยที่เหนือกว่า: SSL VPN มีประวัติการพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อข้อมูลองค์กร ขณะที่ IPsec VPN เป็นโปรโตคอลมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยและทนทานกว่า
- ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น: FortiGate ได้รับการออกแบบมาให้ IPsec VPN ใช้ประโยชน์จาก Hardware Acceleration ได้อย่างเต็มที่ ทำให้การเชื่อมต่อรวดเร็วและประหยัดทรัพยากร CPU ของอุปกรณ์มากกว่า
- สอดรับกับอนาคต: การเปลี่ยนมาใช้ IPsec VPN สอดคล้องกับแนวคิดด้านความปลอดภัยแบบ Zero Trust Network Access (ZTNA) ที่ Fortinet กำลังผลักดัน
ข้อดีและข้อเสียของการอัปเกรด
การตัดสินใจอัปเกรดหรือไม่นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ข้อดีของการอัปเกรด:
- ความปลอดภัยสูงสุด: ได้รับการแก้ไขช่องโหว่ล่าสุดและฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชัน 7.6
- ประสิทธิภาพที่ดีกว่า: สัมผัสได้ถึงความเร็วและความเสถียรที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการทำ VPN
- รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ: สามารถใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น SD-WAN ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ข้อเสียของการอัปเกรด:
- ต้องวางแผนการเปลี่ยนระบบ: หากองค์กรใช้ SSL VPN อยู่ ต้องวางแผนย้ายผู้ใช้งานทั้งหมดไปใช้ IPsec VPN ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและทรัพยากร
- ความไม่คุ้นเคยของผู้ใช้งาน: ผู้ใช้งานต้องเรียนรู้และคุ้นเคยกับการใช้ไคลเอนต์และวิธีการเชื่อมต่อแบบ IPsec VPN ใหม่
หากลูกค้าเปิดใช้งาน SSL VPN เอาไว้และทำการอัปเกรดเฟิร์มแวร์ FortiGate เป็นเวอร์ชัน FortiOS 7.6.3 หรือสูงกว่า จะมีผลกระทบที่ชัดเจนและสำคัญดังนี้:
1. SSL VPN Tunnel Mode จะถูกถอดออกโดยสิ้นเชิง
- ฟีเจอร์ SSL VPN ในโหมด Tunnel จะถูกลบออกจากทั้งหน้า GUI และ CLI (Command Line Interface) ของ FortiGate
- การตั้งค่า (Configuration) ของ SSL VPN ที่มีอยู่เดิม จะไม่ถูกย้ายหรือแปลง ไปเป็นการตั้งค่า IPsec VPN โดยอัตโนมัติ
- ผลที่ตามมาคือ ผู้ใช้งานที่เคยเชื่อมต่อ VPN จากภายนอกด้วย SSL VPN ในโหมด Tunnel จะ ไม่สามารถเชื่อมต่อได้อีกต่อไป ทันทีหลังการอัปเกรดเสร็จสมบูรณ์
2. การเข้าถึงจะหยุดชะงัก
- การอัปเกรดโดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้าจะทำให้การเข้าถึงจากระยะไกลของผู้ใช้งานหยุดชะงักทันที
- ผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องทำการตั้งค่า IPsec VPN ใหม่ทั้งหมด และให้ผู้ใช้งานอัปเดตไคลเอนต์ (FortiClient) เพื่อเชื่อมต่อด้วยโปรโตคอลใหม่
3. การเปลี่ยนแปลงสำหรับ SSL VPN Web Mode
- สำหรับผู้ที่ใช้งาน SSL VPN ในโหมด Web (การเข้าถึงผ่านเบราว์เซอร์) ฟีเจอร์นี้จะยังคงมีอยู่ แต่จะเปลี่ยนชื่อเป็น "Agentless VPN"
- อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Agentless VPN นี้ก็ถูกถอดออกในบางรุ่นย่อย เช่น FortiGate G-Series (เช่น 40G, 60G, 90G) หรือรุ่นที่มี RAM น้อยกว่า 2GB ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบรุ่นอุปกรณ์อย่างละเอียด
สรุปผลกระทบและสิ่งที่ต้องทำ
สำหรับลูกค้าที่ใช้ SSL VPN อยู่ และวางแผนจะอัปเกรดเป็น FortiOS 7.6.3 ขึ้นไป ต้องทำการย้ายระบบ VPN จาก SSL VPN เป็น IPsec VPN ก่อนที่จะทำการอัปเกรด
การดำเนินการที่แนะนำคือ:
- แจ้งผู้ใช้งาน: แจ้งให้ผู้ใช้งานทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นและวันเวลาที่ระบบจะหยุดชะงัก
- ตั้งค่า IPsec VPN: กำหนดค่า IPsec VPN บน FortiGate ให้เรียบร้อย
- ทดสอบการเชื่อมต่อ: ทดสอบการเชื่อมต่อด้วย IPsec VPN เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้ตามต้องการ
- อัปเดตไคลเอนต์: แนะนำให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดและติดตั้ง FortiClient เวอร์ชันล่าสุด เพื่อเชื่อมต่อ IPsec VPN
- อัปเกรดเฟิร์มแวร์: เมื่อมั่นใจว่าระบบ IPsec VPN พร้อมใช้งานแล้ว จึงค่อยทำการอัปเกรดเฟิร์มแวร์ FortiGate
หากไม่ทำตามขั้นตอนดังกล่าว การอัปเกรดจะส่งผลให้ระบบ VPN เดิมไม่สามารถใช้งานได้ และอาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้ในที่สุด
สรุป: บทบาทใหม่ของ FortiGate และทิศทางในอนาคต
Fortinet ชี้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงใน FortiOS 7.6 เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับโซลูชันด้านความปลอดภัย การเปลี่ยนจาก SSL VPN ไปสู่ IPsec VPN ไม่ใช่เพียงแค่การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี แต่เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ใช้งาน การวางแผนการอัปเกรดจึงไม่ใช่เรื่องของ "ทำหรือไม่ทำ" แต่เป็นเรื่องของ "ต้องทำอย่างไร" เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุด
สำหรับองค์กรที่ยังคงใช้งาน SSL VPN อยู่ ควรเริ่มวางแผนการย้ายระบบตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้